วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2557

เที่ยว ชิม ช็อป K O R E A 23-27 Feb 14

หลังจากที่วางแผนกับเพื่อนว่าเราไปเที่ยวเกาหลีกันเถอะ เราก็เริ่มหาข้อมูลทัวร์ต่างตามเว็บไซค์ว่าไปกับทัวร์ (ที่จริงอยากไปเอง แต่ไม่เคยมีประสบการณ์เที่ยวต่างประเทศ กลัวทำอะไรไม่ถูก แหะ แหะ)

เริ่มจากทำ passport ในช่วงสถานการณ์ม็อบปิดกงสุล แจ้งวัฒนะเรา จึงทำให้ทั่วประเทศทำ passport ได้แค่ 2 ที่ คือ บางนา และ ปิ่นเกล้า และจำกัดโควต้าทำเพียง 2,700 เล่ม ต่อวัน!!!  ไอ้เราซึ่งมี passport อยู่แล้วก็สบายไปแต่เพื่อนยังไม่มี นางต้องไปรอคิวทำ passport ตั้งแต่ตี 4 ค่าา (นึกถึงตอนดู เดี่ยว ของพี่โน๊ต อุดม ที่ไปรอทำ visa ไป อเมริกา 555) จะจองทัวร์ก็ยังไม่กล้าจองกลัวได้ passport ช้า เสียเงินฟรีอีก


หลังจากได้ passport มาก็มองหาทัวร์ที่ดูๆ ไว้ ไอ้เราทั้งคู่ก็งานยุ่งเลยไม่ได้สักทีจนมาเจอทัวร์ที่ดูโอเค ไม่น่าจะโกงเราหรอก(มั้ง) ในราคา 17,900 บาท 5 วัน 3 คืน เราจองได้แบบฉุกละหุกมาก จองและจ่ายเงินวันที่ 21 กพ 56 ไปเที่ยววันที่ 23-27 กพ 56 ค่าา ข้าวของก็ยังไม่เตรียมอะไรเลย แต่เค้าอยากไปช่วงที่ลานสกีมันยังเปิดนี่นา :P 

วันแรก ทัวร์นัดหมายให้ไปเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 23 กพ 57 เวลา 22.30 น. และก็มาเจอกับกรุ๊ปแล้ว >.< ดีใจจัง ไม่โดนหลอก



มาถึงก็ยื่น passport ให้พี่ไกค์ไปจัดการเรื่องให้ ได้มาแล้วตั๋วเครื่องบิน ทัวร์นี้ให้กระเป๋า Gift Set กับ ผ้าห่ม มาด้วย ในกระเป๋าเป็นเครื่องใช้ส่วนตัวเป็นพวก แปรงสีฟัน ยาสีฟัน หวี และหัวแปรงปลั๊กไว้ใช้ในเกาหลี






จากนั้นก็โหลดกระเป๋า สายการบิน T'Way ให้โหลดกระเป๋าน้ำหนักไม่เกิน 20 กก ค่ะ กระเป๋าเราโหลดขึ้นไปประมาณ 14 กิโลกว่า (ขนอะไรไปนักหนา = =") เครื่องออกจากไทยตอนตี 1.30 น. สายการบิน T'Way ที่นั่งค่อนข้างแคบค่ะเมื่อยตัวมาก นอนหลับๆ ตื่นๆ ตลอด จนใกล้จะถึงแอร์ก็เสิร์ฟอาหารเช้า (เช้ามืด ตี 4 ตี 5 บ้านเรา) เป็นแซนวิสครัวซอง ผลไม้ น้ำส้ม ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่แต่ก็กิน (จะพูดเพื่อ?)


วันที่ 2 มาถึงเกาหลีเวลา 08.45 (เวลาเกาหลีเร็วกว่าไทยประมาณ 2 ชั่วโมง) ของวันที่ 24 กพ 56 Happy Birthday to me ^^ เย้! ลงมาจากเครื่องบินก็ต้องต่อรถไฟฟ้าใต้ดินเข้ามาที่อาคารเทอร์มินอลหลักไปเคาน์เตอร์ ตม. เราอ่านมาจากหลายเว็บว่าตม. เกาหลีค่อนข้างเข้มงวดกับคนไทย เลยเตรียมตัวมาอย่างดีเพราะหน้า passport เราว่างมากไม่เคยไปไหนเลย แต่ปรากฎว่าเข้าง่ายม๊ากกก ไม่ถามสุขภาพกันสักคำ เข้าไปยื่น passport ให้เจ้าหน้าที่ก็บอกให้สแกนนิ้ว ผ่านเข้ามาประเทศเค้าแบบงงๆ ไหนว่าเข้ายากไง ผ่านเข้ามาก็ไปเอากระเป๋า เปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้าล้างตาค่ะ วันนั้นอากาศประมาณ 0 - 2 องศา หลังมารวมกันแล้วกรุ๊ปใหญ่ๆ ของเราก็เหลือไม่ถึงครึ่งค่ะ ! พี่ไกค์บอกว่ามาประมาณ 43 คนแต่ที่มาเที่ยวจริงๆ แค่ 23 คน นอกนั้นเป็นนักโดด O.0 กว่าจะออกมาจากสนามบินก็ช้าแล้ว เพราะนักโดดทั้งหลายเค้าไม่บอกพี่ไกค์ไว้ทำให้ช้าพอสมควรเพราะรอค่ะ


ออกมาจากสนามบินอากาศก็หนาวขึ้นมาทันใด บรื๋อ ตามโปรแกรมเราต้องไปเกาะนามิเป็นที่แรก แต่เนื่องจากเราออกจากสนามบินช้าจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนโปรแกรมนิดหน่อยเลยได้ไปกินข้าวกลางวันก่อน นั่งรถทัวร์จากสนามบินอินชอนไปเกาะนามิประมาณ 1-2 ชั่วโมงค่ะ จำไม่ได้ง่วงจริงๆ เราหลับตลอดทาง เมนูแรกของเราที่เกาหลีคือทัคคาลบี้ หรือ ไก่บาร์บีคิวผัดซอสเกาหลีนั่นเอง โต๊ะนึงจะนั่ง 4 คนนะคะ แต่รอบนี้เราสองคนครองกระทะนี้ 555



หลังจากอิ่มแล้วก็นั่งรถทัวร์ไปเกาะนามิค่ะ ซึ่งร้านอาหารก็ไม่ไกลเกาะนามิเท่าไหร่ นั่งเรือข้ามไปเกาะนามิประมาณ 5 นาทีเท่านั้นเอง


สักแชะกับทิวสน


อากาศเย็นๆ มานั่งผิงไฟ



จากนั้นทานอาหารเย็นชื่อว่าอะไรจำไม่ได้ ก็เรียกหมูย่างเกาหลีละกัน เนื้อหมูนุ่มมาก กินเพลินเลย เครื่องเคียงก็เป็นพวกกิมจิ ซุปถั่วงอก ค่ะ



หลังจากอิ่มท้องแล้วเราก็ไปต่อกันที่สกีรีสอร์ทค่ะ ใครอยากเล่นสกีต้องจ่ายค่าชุดและอุปกรณ์เพิ่มนะคะ ค่าเช่าอุปกรณ์น่าจะประมาณ 40,000 วอนค่ะ แต่เราไม่ได้เล่น แต่ไปถ่ายรูปเล่นค่ะ กะว่ารอบหน้ามาเองจะเล่นทั้งวันเลย


หนาวๆ อย่างนี้ต้องไอติมเท่านั้น ไอติมชาเขียวอร่อยมากๆ (ห๊ะ! อะไรนะ เค้าไม่กินกันเหรอ) 



วิวสวยๆ สักแชะ





กว่าจะเข้าที่พักก็ประมาณ 4 ทุ่มค่ะ รู้สึกเพลียมากๆ เลย -.-  โรงแรมที่พักคืนนี้ที่สกีรีสอร์ทชือ Oak Valley ค่ะ ข้างๆ มี มินิมาร์ทด้วยนะ ห้องกว้างมากที 2 ห้องนอน แบบนอนพื้นกับแบบเตียง ตอนแรกคุยกับจะเลือกนอนบนพื้น แต่พอทดสอบนอนดูแล้ว เอ่อ แข็งนะนี่ ปวดเมื่อยมาทั้งวันขอนอนสบายๆ ละกัน หนีไปนอนเตียงทิ้งให้เพื่อนนอนพื้น 555



มื้อดึกของเรา บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลี เบียร์และเหล้าโซจู นึกเม้าท์โมกัน ยันตี 1 เพิ่งสำนึกได้ว่านอนได้แล้ว พรุ่งนี้พี่ไกค์เค้าตั้งปลุก 6 โมง กินข้าว 7 โมง ออกเดินทางไป 8 โมงเช้า ราตรีสวัสดิ์จ้า





วันที่ 3  ตื่นแต่เช้าที่โรงแรมตั้งปลุกไว้ 6 โมงเช้า (หรือ ตี 4 ที่ไทย!!! ) โอ๊ยย ยังไม่อยากตื่นเลย เดินสลึมสลือไปจัดการตัวเอง เก็บกระเป๋า วันนี้เราจะต้องไปพักที่โซลค่ะ ลงมาข้างล่างพี่ไกค์ก็พาขึ้นรถไปทานอาหารซึ่งอยู่อีกตึกนึงค่ะ รบรรยากาศโรงแรมตอนเช้าๆ



อาหารเช้าทีโรงแรมนี้เป็นบุฟเฟ่ค่ะ แต่อาหารไม่เยอะเท่าไหร่



ไปถ่ายรูปชักโครกที่เกาหลีมา ปุ่มเยอะดีเนอะ



โปรแกรมแรกของวันนี้เราจะไปที่โรงถ่ายละคร MBC Dramia แฟนซี่รี่ย์คุ้นฉากในรูปกันไหม ^^



จากนั้นเราไปต่อกันที่ไร่สตอร์เบอร์รี่ เดินเข้าไปเข้ามีสตอร์เบอร์รี่ใส่ในแก้วไว้แล้วคนละ 5 ลูก เราไม่ได้ไปเด็ดทานนะคะ



ชิมสตอร์เบอร์รี่พอหอมปากหอมคอ เราก็ไปทานข้างเที่ยงกัน เมนูเที่ยงเป็นบุฟเฟต์หมูย่างเกาหลีค่ะ พี่ไกค์เอาน้ำจิ้มแจ่วมาจากไทยด้วย แซ่บเวอร์



หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้วเราจะไปย่อยที่ Everland ค่ะ แต่ให้เวลาน้อยมากแค่ 2 ชั่วโมงเอง แค่ต่อคิวก็เกือบหมดเวลาละ = =" 



ตอนแรกเราวางแผนไว้ว่าจะไปเล่น snow sled หรือ เลื่อนหิมะ นี่ล่ะแต่ปรากฏว่ามันปิดแล้วค่า เพราะไม่มีหิมะแล้ว เราสองมองตากันด้วยอารมณ์เซ็งนิดหน่อย หันไปฝั่งตรงกันข้าม นั่น! T Express รถไฟรางไม้ที่
ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เค้าเล่าลือกันว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เปิดแล้วหลังจากปิดไปช่วงหิมะตก เราสองไม่รอช้าชวนเพื่อนที่เจอกันในกรุ๊ปทัวร์ไปเล่นด้วยกัน ไปรอต่อคิวคนเยอะมากกก มองดูจากรางก็ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่นะ เพราะมันไม่ได้มีตีลังกา คนที่ขึ้นแบบว่ากรีดร้องกันเสียงดังมาก และแล้วก็ถึงคิวของเราและก็ได้รับรู้แล้วว่าทำไมเค้าถึงกรีดร้องกันขนาดนั้น รอบนึงแค่ 3 นาที แต่รู้สึกเสียวน๊านน นาน T.T เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะว่าตอนเราขึ้นไปนั่งมันจะมีเข็มขัดให้ใส่ แต่! มันไม่ใช่เข็มขัดที่บล็อกทั้งตัวเราไว้กับที่นั่งนะคะ มันเป็นเข็มขัดให้รัดตรงเอวและมีเหล็กคั่นลงมาบล็อกขาแค่นั้นค่า คุณคิดดูตอนที่คุณไปถึงจุดที่สูงที่สุดแล้วทิ้งดิ่งลงมาข้างล่างคุณเอ๊ยบอกได้เลยว่าก้นเราลอยจากเก้าอี้ค่า มันทิ้งดิ่งไม่พอมันยังเหวี่ยงไปซ้ายไปขวาอีก น่ากลัวตัวเองจะหลุดออกจากที่นั่งมากๆ Y.Y เค้าบอกว่าเวลาเล่นให้ยก 2 มือชูขึ้นจะสนุกมาก บ้าเปล่า! บอกได้เลยว่าเราเอาแต่ก้มหน้ากอดเหล็กที่มันบล็อกขาตัวเองไว้แค่นั้นกรีดร้องจนเจ็บคอเลย คิดดู ลงมาแข้งขาอ่อนเลยล่ะ บอกได้คำเดียว ไม่เล่นอันนี้อีกแล้ว >.<



หลังจากแข้งขาอ่อนเปลี้ยเราก็ไปทานข้าวเย็นเติมพลังกันด้วยเมนู Osam Bulgogi อร่อยอีกแล้ว >.<


หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน โปรแกรมต่อไปเป็น Fanta Stick กะจะไปหลับที่นั่นแหละ ปรากฎว่าไม่ได้หลับค่ะ โชว์สนุกมาก เป็นละครเพลง ไม่มีบทพูด เล่นดนตรีสดๆ เต้นบีบอยด้วย (ไม่มีรูป เนื่องจากเค้าห้ามถ่ายค่ะ) หลังการแสดงจบเราจะได้นอนแล้ว ที่พักคืนนี้ของเรา Haedamchae Hotel บอกเลยว่าแคบค่ะ แทบไม่มีทางเดินเลย แต่ก็โอเคค่ะ ห้องสะอาดเรียบร้อยดี ข้างๆ โรงแรมมีร้านสะดวก 2 ร้านด้วย



หลังจากวางกระเป๋าเสร็จเราสองก็ลงไปเดินลั้นลา กะว่าจะหาทานอาหารข้างทางแบบในหนังเกาหลีอะไรอย่างนี้ หลังจากเดินสำรวจมาบริเวณนั้นไม่มีร้านข้างทางเลย เสียใจจัง เลยเข้าร้านสะดวกซื้อกินไอติมปลอบใจตัวเอง ไอติมเมล่อน ~~~ อร่อยอีกแล้ว และของกินเล่นนิดหน่อยไปกินบนห้อง ตอนแรกเราว่าจะไปเที่ยวผับเกาหลีกันแต่วันนี้เหนื่อยจริงๆ เลยขอนอนดีกว่า ไว้ไปพรุ่งนี้ละกัน ราตรีสวัสดิ์ค่ะ zzZzZ


วันที่ 4 วันนี้ก็โดนตั้งปลุกเวลาเดิม 6 โมงเช้า อืมม ง่วงจัง ขออีก 30 นาทีละกันนะ ZzzZ ตื่นมาอีกที 6 โมงครึ่งจัดการตัวเอง ลงมาทานอาหารเช้า อาหารเช้าของที่นี่มีนิดเดียวเองค่ะ ไข่กวน ขนมปัง ซีเรียล ประมาณนี้ค่ะ

โปรแกรมแรกของวันนี้คือไปศูนย์โสมและศูนย์สมุนไพรเกาหลี จากนั้นเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสาหร่าย ชงฮัก (Songhak Laver Museum) ไปดูกระบวนการในการทำสาหร่าย หลังจากกิน เอ๊ย ชิมสาหร่ายและเราก็ไปสวมชุดฮันบกถ่ายรูปที่ชั้นบนค่ะ ต่อไปก็ถึงเวลาช็อปปิ้งของสาวๆ กันที่ศูนย์เวชสำอางค์เครื่องสำอางค์ พวกครีมหอยทาก ครีมน้ำแตก สาวๆ ช็อปกันเพลินเลย เราได้มา 3 อย่าง คือ ครีมหอยทาก ครีมน้ำแตกและแป้งรองพื้น BB Cream



มื้อกลางวันวันนี้เป็น Dimdak หรือไก่ตุ๋นหรือพะโล้นี่เอง กินเพลินเลยเส้นก๋วยเตี๋ยวเค้าเหรียวนุ่มดีค่ะ



อิ่มแล้วเราก็ไปต่อกันที่ Trick Eye Museum และ Ice Museum ในย่านฮงแด พอลงจากรถแล้วเราต้องเดินเข้าไปกันค่ะ 





แอร๊ยยย ลงจากรถมาก็เจอ Cocoon ผับ พอดี อยากจะลองเที่ยวผับเกาหลี >.< เดินตามพี่ไกค์ไปเรื่อยๆ เค้ากำลังตั้งของขายกันเลยค่ะ






ไปต่อที่พระราชวังเคียงบ๊อค กว้างจริง เมื่อยจัง




ทัวร์ไหนๆ ก็คงไม่พลาดที่จะไป เขานัมซาล เพื่อคล้องกุญแจคู่รัก ส่วนเราคนไร้คู่นึกอยากไปสะเดอะกุญแจออกจริงๆ อิอิ เดินขึ้นไปโครตเหนื่อยเลย เมื่อไหร่จะถึง เมื่อยมากๆ (เป็นบุคคลที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย -*-)



มื้อเย็นมื้อนี้บุฟเฟต์ชาบู ชาบู พี่ไกค์มีน้ำจิ้มจากไทยมาให้เหมือนเดิม




อิ่มแล้วก็ต้องไปเดินย่อยกัน วันนี้เราไปเดินย่อยกันที่เมียงดงค่า นี่เรามาเดินย่อยอาหารหรือย่อยเงินในกระตังค์นี่ =*= พี่ไกค์ให้เวลา 2 ชั่วโมง ใครอยากช็อปอะไรก็ตามสบายเลยค่า


ไม่พลาดอยู่แล้วกับไอติมโคนยาว ราคาเท่าไหร่ จำไม่ได้แล้วค่ะ





ของกินน่าลองทั้งนั้นเลย >.< แต่เนื่องจากอิ่มมาแล้ว เลยไม่ได้ลองสักอย่าง ขอเก็บภาพมาหน่อยละกัน








   4 ทุ่มกว่าๆ ร้านค้าก็เริ่มเก็บกันแล้ว กรุ๊ปเราก็กลับโรงแรมกัน แต่เดี๋ยวก่อนวันนี้เราโปรแกรมพิเศษสำหรับสองสาวของเรา เราอยากลองไปเที่ยวผับเกาหลีมากๆ กลับมาถึงโรงแรมก็ 5 ทุ่มกว่าๆ เลยนั่งชั่งใจกันสองคนว่าจะไปดีไม่ไปดี เพลียก็เพลีย อยากเที่ยวก็อยากเที่ยว และในที่สุดความอยากเที่ยวก็เอาชนะทุกสิ่ง ฮุ ฮุ ขี้เกียจเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่มันชุดเดิมนี่แหละ ไปขอนามบัตรโรงแรมที่ฟร้อนท์เผื่อขากลับและขอให้เค้าเขียนภาษาเกาหลีให้หน่อยว่าเราจะไปฮงแด เดินออกจากโรงแรมมาที่ถนนตอนเกือบเที่ยงคืนเพื่อรอโบกรถจะขึ้นรถเมล์ก็ เอิ่ม  =.=” อ่านไม่ออก รถไฟฟ้าก็อยู่ส่วนไหนก็ไม่รู้ เอาน่ารถแท๊กซี่ละกัน สะดวกดี รอแท๊กซี่สักพักคันไหนๆ ก็เต็ม และแล้วเราก็โบกจนสำเร็จ ยื่นกระดาษที่ฟร้อนท์เขียนให้ว่าเราจะไปที่ไหน ลุงเปิดไฟยื่นกระดาษไปสุดมือพูดเป็นภาษาเกาหลี เอ่อหนูฟังไม่รู้เรื่องนะคะลุง ฟร้อนท์เค้าเขียนอะไรใส่กระดาษมาฟะ สุดท้ายเราเลยถาม Do you know Hong Dae? ลุงก็ไม่เข้าใจสุดท้ายสั้นคำเดียว บอกลุงไปว่า ”ฮงแด” ลุงเข้าใจเลย ค่าแท๊กซี่เรานั่งก่อนเที่ยงคืนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3000 วอนค่ะ

  ลุงแท๊กซี่ขับรถมาส่งแถวๆ ตลาดซึ่งเค้าเก็บแล้ว แต่วัยรุ่นเกาหลีเดินกันเต็มเลย ค่าแท๊กซี่ขาไปอยู่ที่ 10,800 วอน (ขออภัย ไม่มีรูปเนื่องจากไม่ได้เอากล้องไป มือถือก็แบตใกล้หมด) ตอนแรกกะไป Cocoon ที่เราเจอตอนไป Trick eye museum แต่!!! มันอยู่ตรงไหนล่ะทีนี้ เรา 2 ก็เดินอย่างไร้จุดหมายไปเรื่อยๆ ถือว่าชมวิวละกัน จนเดินมาพักนึง มันอยู่ตรงไหนฟะ นึกขึ้นได้ว่าเซฟแผนที่ไป NB2 ไว้ในมือถือนี่นา เลยเปิดมือถือขึ้นมาดู บอกกับเพื่อนว่าเปลี่ยนไป NB2 แล้วกันเนอะ ก้มหน้าก้มตามองแผนที่ เพื่อนสะกิดให้เงยหน้า แล้วชี้ไปข้างหน้า อ้าว!! นั่น NB2 นี่หว่า  เอ เห็นเค้าว่าคนต่อคิวยาวเลยนี่นา แต่วันนี้เป็นวันพุธเค้าคงไม่ค่อยเที่ยวกันมั้ง เรา 2 ไม่รอช้า จ่ายค่าบัตรผ่านคนละ 10000 วอน ได้ฟรี 1 ดริ๊ง เดินเข้าไป แม่เจ้า!! เค้าเปิดดรายไอซ์หรืออย่างไร ควันขาวๆ เต็มผับไปหมด แต่พอสูดดมเท่านั้นแหละ โห นี่มันควันบุหรี่นี่นา คนเกาหลีสูบบุหรี่กันจัดมากก ในผับมีแต่เด็กๆ วัยรุ่น คนแน่นมากๆ แทบไม่มีที่เดิน เปิดเพลงแนวฮิบฮอบ สนุกดีค่ะ เอาบัตรไปแลกดริ๊งมาได้เบียร์คนละขวด จิบเบียร์ไม่ถึง 5 อึกเลย ไม่ไหวแล้ว มองหน้ากับเพื่อนเราออกไปกันเถอะ ถ้าไม่อยากสำลักควันบุหรี่ตาย เดินออกมาคนขายตั๋วคงงงพวกมัน 2 คน เข้ามายังไม่ถึง 10 นาทีเลย ไปซะละ  

  หลังจากออกมาสูดออกซิเจนเข้าปอด (เฮ้อ..โล่ง) เราก็เรียกแท๊กซี่เพื่อกลับโรงแรม ขึ้นแท๊กซี่มาก็ยื่นนามบัตรโรงแรมให้ลุง สเต็ปเดิม ลุงเปิดไฟยื่นนามบัตรไปสุดมือพูดพึมพำเป็นภาษาเกาหลี เราก็ถาม Do you know there? ลุงแกฟังไม่ออก ก็พึมพำของแกไหม เราก็ถามอีกว่ารู้จักไหม ถ้าไม่เราจะได้ลง ลุงก็ไม่เข้าใจ ลุงเอาที่อยู่ในนามบัตรไปจิ้มเครื่อง GPS อยู่ 2-3 ก็ไม่เจอ ครั้งที่ 4 จิ้มไปที่ไหนก็ไม่รู้ปรากฎว่ามี เท่านั้นแหละแกก็ขับพาไป (หลังเที่ยงคืนราคาเริ่มต้น 3600 วอน) ไอ้เราก็โล่งใจ แต่ก็ยังไม่ค่อยนิ่งนอนใจ มองไปตลอดทางๆ ว่าคุ้นกับทางเดียวที่เรามาหรือเปล่า อ้อ ตรงนั้นเคยผ่าน อ๊ะ ตรงนี้ก็เคยผ่าน เริ่มสบายใจละ จนลุงมาจอดที่ๆ นึงแล้วมาบอกกับเราคงประมาณว่าถึงแล้ว เราก็มองไปบริเวณรอบๆ ที่นี่ที่แว้!!! บอกลุงอย่างว่องๆ No No No ไม่ใช่นะลุง ลุงก็บอกที่นี่แหละ เราก็บอก No (จะมาทิ้งเราตรงนี้ไม่ได้นะ ถ้าไม่รู้จักก็บอกแต่แรกสิ เราจะได้หาคันอื่น) ลุงก็เอานามบัตรมาส่องไฟอีกครั้ง มองแล้วมองอีกพึมพำเป็นภาษาเกาหลีของแก เราเลยบอกแก can you call to hotel, I will pay for you ทำท่าโทรศัพท์ แกดันมาชี้ที่เราให้เราโทรซะงั้น -*- เราเลยชี้ที่แกประมาณว่าให้แกช่วยโทรให้หน่อยเดี๋ยวจ่ายค่าโทรให้ สุดท้ายลุงก็โทรให้ (ขอบคุณค่ะลุง) คุยสักเหมือนจะรู้ว่าอยู่ตรงไหนลุงก็ขับรถออกอีก ไอ้เราก็ดีใจคราวนี้ถึงโรงแรมแน่ๆ ที่ไหนได้ ที่นี่มันที่ไหนอีกฟะ!!! รีบบอกลุงทันใด ไม่ใช่ที่นี่นะคะ ลุงก็บอกอีกละว่าที่นี่ล่ะ เราก็เริ่มใจไม่ดีละ เราอยู่ส่วนไหนของเกาหลีหว่า ลุงก็ขับช้าๆ ไปเรื่อยๆ เราสองคนก็ช่วยกันมองข้างทางเผื่อจะคุ้น ทันใดนั้นเจอแล้ว!! มินิมาร์ท 2 ที่เหมือนข้างโรงแรมเราจึงสะกิดลุงแล้วที่ไปแถวมินิมาร์ท และก็ใช่จริงๆ ด้วย ไชโย ในที่สุดก็ถึงโรงแรมแล้ว ขอบคุณคุณลุงแท๊กซี่จริงๆ ค่ะ ที่ไม่ทิ้งพวก)หนู (หรือพวกหนูไม่ยอมลงเลยต้องจำใจช่วยหาก็ไม่รู้ ) ค่าแท๊กซี่ประมาณ 16000 วอนกว่าๆ จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่เราให้ลุงไป 17,000 วอน ถึงโรงแรมประมาณ 1 เกือบตี 2 อาบน้ำ จัดกระเป๋า และนอนด้วยความอ่อนเพลีย พรุ่งนี้ก็ต้องตื่น 6 โมงเช้า T.T 
วันที่ 5 วันสุดท้ายแล้ว วันนี้ขอนอนตื่นสัก 7 โมงละกัน ของดข้าวเช้า 8 โมงเช้าลากกระเป๋าลงมา อ้าว นี่เราลงมาคนแรกเหรอนี่ จะขึ้นไปกินแล้วก็คงจะช้า ไปมินิมาร์ทหาอะไรรองท้องละกัน ได้นมกล้วยยอดฮิตกับข้าวปั้นสาหร่ายมา




  วันนี้ไป Red Pine ผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากน้ำมันสน, โรงงานพลอยสีม่วง ลงมาจากตึกพลอยสีม่วงมาเจอร้านขายขนมอะไรไม่รู้แต่น่าทานดี เลยได้มา 1 ถุง ลองชิมดูข้างในเป็นไส้มันและไส้อื่นๆ ค่ะ
มาช็อปกันต่อที่ดิวตีฟรี ได้น้ำหอมมา 1 ขวด ^^ Gucci Rush2





อาหารที่เกาหลีมื้อเที่ยงก่อนจำชื่อไม่ได้แต่เหมือนคล้ายๆ ชาบูชาบูค่ะ กลับด้วยความหิวโซ ลืมถ่ายรูปค่ะ   อิ่มแล้วเราก็ไปกันต่อที่หมู่บ้านโพรวองซ์ ที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรมากมายค่ะ เล็กด้วย ปาลิโอบ้านเราดีกว่าเยอะ ณ.ตอนนี้เค้าก็มีขายรูปที่เค้าถ่ายเราช่วงที่เที่ยว รูปละ 5,000 วอน ค่ะ ปริ๊นท์รูปมาเลย เราว่าน่าจะให้เราเลือกก่อนไปปริ๊นมา ถ้าอันไหนไม่เอารูปนั้นจะทำยังไง แต่เราเอาหมดค่ะของเรามี 15 ใบ เพราะน้องเค้าก็ช่วยเราสารพัด ทั้งเสิร์ฟอาหาร ยกกระเป๋า ดูแลความเรียบร้อย ถือว่าเป็นสินน้ำใจละกัน




ที่สุดท้ายของทริปนี้ ร้านละลายเงินวอนค่ะ ได้นมกล้วยกล้วยกับบะหมี่เกาหลีมา ดีนะที่มีบริการแพ๊คใส่กล่องให้เรียบร้อย กระเป๋ายัดไม่ลงแล้ว ถึงเวลาไปสนามบินแล้ว เครื่องของเราก็เป็น T’Way เหมือนเดิม เวลาออก 20.30 น. เอากระเป๋าไปโหลดลงเครื่องลุ้นว่าจะเกินไหม ขามาก็ 14 กว่าโลละ แต่เราไม่ค่อยซื้ออะไรมาก ขากลับ 19 กก จ้า

บ๊าย บาย เกาหลี ^^



อาหารที่แจกบนเครื่องบิน ข้าวเย็นชืดมากค่ะ ไม่มีความอร่อยเลย ถ้าข้าวร้อนมันคงจะอร่อยมั้ง (มโนเอาเอง) ถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 00.05 น. 



ของที่ได้มาจากทริปนี้